เมื่อเอ่ยถึงประเทศภูฏาน หลายคนคงนึกถึงประเทศที่มีเจ้าชายสุดหล่อที่เคยเสด็จมาเยี่ยมเยียนเมืองไทยในงานพืชสวนโลกเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ชื่อภูฏานเริ่มเป็นที่คุ้นหูและเกิดความน่าสนใจ จึงเริ่มมีผู้คนคิดที่จะไปภูฏานกันมากขึ้น
ก่อนอื่นเลยมาพูดถึงข้อมูลพื้นฐานของประเทศนี้กันก่อน ประเทศภูฏานอยู่แถบตอน`ใต้ของทวีปเอเชีย เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัยระหว่างประเทศอินเดียกับจีน ทางตอนบนติดกับประเทศจีน และทางตอนล่างติดกับรัฐอัสสัมประเทสอินเดีย ทางตอนเหนือเป็นเทือกเขาสูงเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย โดยบางยอดเขามีความสูงเกิน 7000 เมตร ทางตอนกลางของประเทศเป็นที่ลาดเชิงเขา ทางตอนใต้เป้นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำพรหมบุตรไหลผ่าน ภูฏานเป็นประเทศขนาดเล็ก ลักษณะภูมิอากาศจึงไม่แตกต่างกันมากนัก โดยมากเป็นภูมิอากาศแบบกึ่งร้อนมีฝนชุก ยกเว้นตอนเหนือซึ่งเป็นภูเขาสูง ทำให้มีอากาศแบบหนาวเย็นแบบเทือกในทวีปยุโรป อากาศ ในเวลากลางวันค่อนข้างเย็นสบาย อุณภูมิประมาน25 - 15 องศาเซลเซียส กลางคืนค่อนข้างหนาวอุณหภูมิ 10 - 5 องศาเซลเซียส ประเทศภูฏานมีสภาพอากาสแบ่งออกเป้น 4 ฤดู คล้ายกับประเทสในทวีปยุโรป คือ ฤดุใบไม้ผลิ ฤดูร้อนร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว
ทางรัฐบาลประเทศนี้อยากจะดำรงไว้ซึ่งความเป็นอารยรรมและวัมนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศตนมาช้านาน ด้านการท่องเที่ยวภูฏานมีแนวโน้มและนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยเน้นการคุ้มครองทางวัฒนธรรมและธรรมชาติเป็นหลัก โดยเก็บภาษีนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวภูฏานค่อนข้างสูง เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามามากมายจนเกิดการเข้าไปทำลายความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ เนื่องด้วยความเป็นอนุรักษ์นิยมสูง. ประเทศนี้จึงไม่ให้ความสำคัญกับระบบเศรษฐกิจเท่าใดนัก ไม่ได้รับความเจริญหรือทุนนิยมเข้ามา จึงไม่ถูกกลืนกินไปกับระบบทุนนิยม ไม่มีตึกรามบ้านช่องเรียงรายให้เห็นแบบสังคมเมืองใหญ่ในประเทศอื่น ผู้คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เลี้ยงสัตว์ ปลูกข้าว
การให้ความสำคัญกับความสุขมวลรวมของประเทศเป็นหลัก อาจทำให้ประเทศดูเหมือนจะล้าสมัยแต่มันเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนภูฏานอยู่อย่างมีความสุข ซึ่งการอยู่แบบใช้เศรษบกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิต ไม่มีการนำระบบทุนนิยมที่ทำให้ประเทสเจริญเกิดความสะดวกสบายเข้ามาเพราะระบบทุนนิยมเป็นเหมือนดาบสองคมที่ให้ประโยชน์และโทษอย่างมหันต์อาจจะมีประโยชน์ในด้านความสะดวกสบาย เช่น ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า พาหนะที่ต้องใช้เชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน แต่มันก็เป็นดาบสองคมเพราะจะทำให้ประชาชนเกิดหนี้สินจากการใช้ชีวิตที่ฟุ่มเฟือย ความสะดวกสบายที่ต้องใช้ทรัพย์สินเข้าแลก พอเกิดความเคยชินแล้วต้องใช้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ก่อให้เกิดเป็นความทุกข์ของประชาชนในภายหลังได้ เมื่อไม่นำระบบทุนนิยมเข้ามาภูฏานจึงยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของตนตั้งแต่อดีตได้จนถึงปัจจุบัน
ทัวร์ภุฏานก็มักจะนำท่านไปสัมผัสกับความเป็นธรรมชาติ วัฒนธรรม สถานที่เกี่ยวกับศาสนาพุทธในประเทศภูฏาน ที่เป็นจุดเด่นของการไปภูฏาน เนื่องด้วยประเทศนี้อยู่บริเวณเทือกเขาหิมาลัยจึงรายล้อมไปด้วยภูเขาสูงมากมาย รวมทั้งมีสภาพภูมิประเทศที่คล้ายคลึงกับเทือกเขาแอลป์ในทวีปยุโรป จนได้ขนานนามว่า" สวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย" แต่การเดินทางไปภูฏานนั้นไม่ไกลมากนัก ถ้าใครอยากสัมผัสบรรยากาศแบบสวิตเซอร์แลนด์การไปเที่ยวภูฏานก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าลองไปสัมผัส การเที่ยวเยี่ยมชมวิถี ชีวิตของชาวภูฏานก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่น่าลองมาสัมผัสเช่นกัน การใช้ชีวิตแบบชาวชนบทที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม สถาปัตยกรรมบ้านเมืองในแบบของภูฏาน และมีเครื่องแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศตน โดยชุดของผู้ชายจะเรียกว่า โคห์ ของผู้หญิงเรียกว่า คีร่า เป็นแบบกระโปรงทั้งชายและหญิง แต่ด้านใน ก็จะสวมกางเกงอีกชั้น ทั้งชายและหญิง กระโปรงโคห์ของผู้ชายมีลักษณะคล้ายกระโปรงชายชาวสก็อต แต่ไม่มีจีบ สั้นกว่าคีร่าของผู้หญิง มีกระเป๋าตรงหน้าท้อง เอาไว้ใส่เงินและของประจำกาย เช่น มีดและถ้วย ซึ่งรัฐบาลของประเทศนี้ได้รณรรงค์ชาวภูฏานจะแต่งกายด้วยชุดประจำชาติของตนในทุกๆวัน เพื่อให้วํฒนธรรมด้านเครื่องแต่งกายจะได้คงอยุ่ไม่หายไปและให้นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยียนได้มองเห็นวัฒนธรรมในด้านของเครื่องแต่งกายที่ไม่เหมือนชาติใดในโลกนี้
No comments:
Post a Comment